K-19: The Widowmaker (2002)
แคทริน บิเกโลว์ นี่เป็นผู้กำกับเพศหญิงที่ทำหนังผู้ชายแมน ๆ ได้เหมาะมือดีแฮะ (Zero Dark Thirty, The Hurt Locker, Point Break และเรื่องนี้) K-19 เป็นหนังเล่าวีรกรรมความกล้าหาญและเสียสละของกัปตันและลูกเรือดำน้ำโซเวียตที่ได้ฉายาว่าเรือผลิตแม่หม้ายเพราะยังไม่ทันจะได้ออกมหาสมุทรก็มีคนตายไปแล้วสิบคน เป็นเรือที่มีปัญหาเกี่ยวกับเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์แต่ถูกผู้มีอำนาจบังคับให้ต้องออกปฏิบัติการในช่วงสงครามเย็น และก็มีปัญหาที่หากแก้ไขไม่ถูกวิธีอาจร้ายแรงถึงขั้นจุดชนวนสงครามโลกได้เลย
.
หนังเปิดเรื่องด้วยฉากซ้อมยิงขีปนาวุธที่นำโดย 'กัปตันโปเลนิน' (Liam Neeson) แต่การซ้อมล้มเหลวเพราะอุปกรณ์ยังไม่พร้อมแถมลูกเรือก็ยังไม่คล่องแคล่วพอ อย่างไรก็ตามพรรคคอมมิวนิสต์กลับมีความจำเป็นต้องส่งเรือ K-19 ออกทะเลเพื่อให้พร้อมรับมือกับอเมริกา จึงส่ง 'กัปตันวอสตริคอฟ' (Harrison Ford) มาทำหน้าที่เป็นกัปตันเรือดำน้ำลำนี้แทน โดยที่โปเลนินก็ยินยอมลดบทบาทตัวเองเป็นเพียงผู้ช่วยแต่โดยดี ซึ่งวอสตริคอฟเป็นนายทหารประเภทเข้มงวดจริงจังกับคำสั่งทุกกระเบียดนิ้วจึงทำให้ในช่วงแรก ๆ นั้นสร้างความไม่พอใจให้กับทุกคนบนเรือ แต่พอผ่านไปสักระยะทุกคนก็เริ่มเห็นผลลัพธ์ของความเข้มงวดจริงจังในคำสั่งของเขาทั้งหมด
.
K-19: The Widowmaker เป็นหนังที่น่าสนใจอย่างนึงคือฝั่งฮอลลีวูดใช้งบตั้งร้อยล้านเหรียญมาทำหนังยกย่องวีรกรรมนายทหารโซเวียต แล้วทำออกมาได้ดีจนผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์นั้นชื่นชมว่าหนังมีความจริงใจในการเล่าเรื่องสองกัปตัน ซึ่งถ้าดูจากพล็อตแล้วอาจจะใกล้เคียงกับ Crimson Tide ที่ต้นหนเรือไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของกัปตันจนเกิดความขัดแย้งกัน แต่ใน K-19 นั้นถึงแม้ผู้ช่วยกัปตันจะไม่เห็นด้วยก็ต้องยอมทำตามคำสั่งตามลำดับบังคับบัญชา ดังนั้นพอถึงจุดหนึ่งทั้งสองคนนี้ที่เหมือนจะเขม่นกันก็ค่อย ๆ ยอมรับในการตัดสินใจของอีกฝ่าย
.
เป็นหนังเรือดำน้ำที่ไม่ได้มีแอ็คชั่นอะไร เน้นความตึงเครียดของสถานการณ์เป็นหลัก เช่นการซ้อมยิงขีปนาวุธทดสอบในสภาวะท้าทายขีดจำกัดของเรือและลูกเรือ, ปัญหาเตาปฏิกรณ์ชำรุดจนอาจเกิดระเบิดนิวเคลียร์ครั้งใหญ่ ซึ่งการซ่อมรูรั่วภายในเตานั้นต้องอาศัยความกล้าหาญและเสียสละอย่างมาก อีกทั้งชีวิตลูกเรือยังขึ้นตรงกับคำสั่งของกัปตันวอสตริคอฟที่ไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากเรือรบของอเมริกาเพราะเชื่อว่าฝั่งโซเวียตกำลังเร่งค้นหาหลังขาดการติดต่อ แต่ความตึงเครียดยิ่งกว่าคือต้องเอาตัวรอดแข่งกับเวลา ทั้งการแพร่กระจายของรังสีนิวเคลียร์ที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ และการควบคุมความร้อนของเตาปฏิกรณ์ไม่ให้ระเบิดจนก่อความเสียหายเป็นสงครามโลกขึ้นมา
Director: Kathryn Bigelow
story: Louis Nowra
screenplay: Christopher Kyle
Genre: drama, thriller, history
7/10
Search